เบื้องต้นข้อมูลรถใหม่ TOYOTA Mitsubishi Nissan Honda

Mercedes-Benz ML450 HYBRID เตรียมสัมผัสท้องถนนในอเมริกาพรุ่งนี้ ขับได้แต่ซื้อไม่ได้!


Mercedes-Benz ML450 HYBRID เตรียมสัมผัสท้องถนนในอเมริกาพรุ่งนี้ ขับได้แต่ซื้อไม่ได้!
Mercedes-Benz เตรียมปล่อย ML450 HYBRID รถเอสยูวีระบบไฮบริดใหม่ล่าสุดลงสู่ตลาดอเมริกาในวันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายนหรือพรุ่งนี้นี่เอง แต่ช้าก่อน! แม้ว่าคุณจะสามารถขับรถหรูรักษ์ธรรมชาติคันนี้ได้แต่คุณไม่สามารถที่จะซื้อมันได้ เหตุผลไม่ใช่เรื่องของราคาที่แพงจนเกินกำลังทรัพย์แต่เป็นเพราะการปล่อย ML450 HYBRID สู่ท้องถนนในอเมริกาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการให้เช่าสำหรับตลาดสหรัฐอเมริกาของค่ายดาวสามแฉก โดยคุณมี 2 ทางเลือกคือ เช่าเป็นระยะเวลา 36 เดือนในราคาเดือนละ 659 เหรียญสหรัฐ หรือ 2 คือการเช่าเป็นระยะเวลา 60 เดือน ในราคาที่ถูกลงที่ 549 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือน

Mercedes-Benz ML450 HYBRID มีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V6 Atkinson-Cycle 3.5 ลิตร ที่ให้กำลัง 275 แรงม้า และแรงบิด 258 ปอนด์ฟุต โดยจะทำงานร่วมกับมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้า 2 ตัว ที่ถูกติดตั้งภายในระบบส่งกำลังที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยจะให้กำลัง 80 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 192 ปอนด์ฟุต และ 83 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 173 ปอนด์ฟุต

ในกรณีที่ต้องการใช้กำลังรถแบบเต็มสูบที่จะต้องใข้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งสองตัวด้วย ML450 HYBRID สามารถขับกำลังออกมาได้ถึง 335 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดที่ 381 ปอนด์ฟุต โดยรถเอสยูวีคันนี้สามารถทำความเร็ว 0-60 ไมล์/ชั่วโมง(96 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ได้ภายในเวลา 7.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง Mercedes-Benz อ้างว่า ML450 HYBRID สามารถทำได้ที่ 21 ไมล์/แกลลอนสำหรับการขับในเมือง และ 24 ไมล์/แกลลอนสำหรับการขับนอกเมือง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ V8 ของ ML550 ที่ใกล้เคียงกัน ระบบไฮบริดของ ML450 HYBRID สามารถประหยัดน้ำมันได้ดีกว่าถึง 46%

อย่างไรก็ตาม เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ RX450h AWD รถไฮบริดของ Lexus ในเรื่องของการซดน้ำมันแล้ว ก็ต้องบอกว่าเทียบกันไม่ติด เพราะตัวเลขที่ RX450h ทำได้คือ 30 และ 28 ไมล์/แกลลอนสำหรับการขับในเมืองและนอกเมืองตามลำดับ แถมยังเร็วกว่าอีกด้วยอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชั่วโมง ภายในเวลา 7.4 วินาที
ก็รู้ๆอยู่ว่า Toyota (Lexus) เขาเป็นเจ้าในเทคโนโลยีรถไฮบริดอยู่!

ที่มา: Mercedes-Benz

รายการบล็อกของฉัน